การเรียนรู้นั่นเกิดขึ้นได้ตลอดหากเรารู้จักใช้ทักษะต่างๆ ที่ติดตัวมา
ปัญหาของเด็กไทยส่วนใหญ่ คือมาโรงเรียน มาเรียนแต่ไม่เคยรู้
เพราะทุกครั้งที่อยู่ในระหว่างทำการเรียนการสอนอยู่นั้น ไม่เคย
สามารถสอนได้ถึง 100% เลย ต้องมีทุกครั้งที่ต้องพูดว่า “ขณะที่
ครูอธิบายอยู่นั้นหากสงสัยให้ยกมือขึ้นถาม” ที่ต้องพูดเพราะเด็ก
บางคนเริ่มหันไปเม้าท์ออกนอกเรื่อง นี่เลยเป็นผลให้มาเรียนแต่ไม่รู้
ประเด็นต่อมาคือ เด็กบางคนขาดความเคารพเชื่อมั่นในตนเอง
เด็กกลุ่มนี้มักมีคำพูดติดปากเสมอว่า “ครู..(อย่าง)หนูทำไม่ได้หรอก”
ก็ต้องถามต่อไปว่ารู้ได้อย่างไรว่าทำไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่ทันได้ลองทำดูเลย
เหตุผลคือขาดความเชื่อมั่นว่าตนทำได้…หลงลืมที่จะจินตนาการว่าตนทำได้
ใครเคยเล่นดนตรีคงจะรู้ได้…บางห้องเพลงบางคอสด์มันก็ไม่ได้ยากมากมาย
แต่เล่นมาถึงจุดนี้ทีไรต้องผิดทุกที…แต่เมื่อลองเปลี่ยนทัศนคติคิดจินตนาการ
เองว่า ครั้งนี้จะเล่นได้และไม่ผิดอีกแล้ว…อยู่ๆก็เล่นได้เฉยเลย…แต่ถ้ามัวแต่คิดว่า
เดี๋ยวชั้นต้องเล่นผิดแน่เลย ระวังดีๆนะ มันจะถึงท่อนนั้นแล้ว ร้อยนทั้งร้อยไม่ต้องเดา
ฟันธงเลยว่ามันผิดดั่งที่คิดนั่นแหละ
เช่นเดียวกับการเรียนรู้ ของเด็กนักเรียน หากจินตนาการไว้ว่า “เราทำได้” มันก็จะทำได้
ไม่ยากเลยเช่นเดียวกัน คำนี้ต่างจากการฝันลมๆแล้งๆนะ มันไม่ใช่การฝันกลางวัน
มันคือการมองภาพตัวเอง เห็นตัวเองว่าทำได้ แล้วก็พยายามทำลงมือทำอย่างจิงจังด้วย
ลองจินตนาการดู ไม่เสียตังก์ ไม่ก่อให้เกิดความเครียดด้วย